Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> ห้องเรียน >> ห้องศึกษา กาพย์ โคลง ร่าย >> - โคลงดั้นวิวิธมาลี -
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: - โคลงดั้นวิวิธมาลี -  (อ่าน 37751 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:65535
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10566


เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ


| |
- โคลงดั้นวิวิธมาลี -
« เมื่อ: 05, ธันวาคม, 2564, 10:28:13 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: - โคลงดั้นวิวิธมาลี -

โคลงดั้นวิวิธมาลี

      โคลงดั้นวิวิธมาลี หรือ โคลงสี่ดั้นวิวิธมาลี  เป็นโคลงสี่ชนิดหนึ่ง  ซึ่งนิยมแต่งในช่วงอยุธยาตอนต้น  มีลักษณะเหมือนกับโคลงดั้นบาทกุญชร คลิก  ทุกประการ  หากเขียนเพียงบทเดียวเดี่ยว ๆ จะไม่สามารถแยกความต่างได้ จะแยกได้ก็ต่อเมื่อมีบทก่อนหน้าหรือบทถัดไปให้สังเกต  เพราะสองโคลงนี้ต่างกันที่การส่งสัมผัสระหว่างบท  ซึ่งโคลงดั้นวิวิธมาลี มีการบังคับส่งสัมผัสระหว่างบทไว้  ๑ แห่ง    ในขณะที่โคลงดั้นบาทกุญชร มีการบังคับการส่งสัมผัสระหว่างบทไว้  ๒ แห่ง  นั่นเอง

          โคลงดั้นวิวิธมาลี   - บทหนึ่งมี ๒๘ คำเป็นหลัก (อันยังไม่นับรวม "สร้อยโคลง" ที่เพิ่มได้อีกสองแห่ง แห่งละสองคำ ในท้ายบาทที่ ๑ และท้ายบาทที่ ๓)


         คณะโคลงดั้นวิวิธมาลี  

          - โคลงสี่ดั้นวิวิธมาลี  หนึ่งบทมี ๒๘ คำเป็นหลัก (ไม่รวมสร้อยโคลง)

             ในหนึ่งบทนั้นมี ๔ บาท
             แต่ละบาทมี ๒ วรรค  ประกอบด้วยวรรคหน้า ๕ คำ และวรรคหลังอีก ๒ คำ รวมแล้วทั้งสี่บาทจึงมี ๒๘ คำเป็นหลัก

การนับคำในโคลง  - การนับคำในโคลงนั้น นับตามเสียงพยางค์ที่เปล่งออกมาหนึ่งครั้งต่อหนึ่งคำ แต่ว่าหากคำใดที่ประกอบด้วยคำมูลที่เป็นลหุแท้ เช่น สวรรค์ พินิจ กุสุม เกษม วิหค ฯลฯ นั้น ผู้ประพันธ์สามารถนับได้ให้เป็น ๑ คำ หรือ ๒ คำก็ได้ แล้วแต่เจตนาของผู้เขียน แต่หากเป็นลหุลอยที่มีความหมายเฉพาะตัว เช่น จะ มิ เพราะ และ เตะ ฯลฯ จะนับเป็น ๑ คำเท่านั้น  

       และในการแต่งโคลงดั้นวิวิธมาลีนั้น มีจุดต้องใช้คำสุภาพ (คำที่ไม่มีรูปวรรณยุกต์) อยู่ ๔ แห่ง
       คือ คำที่ ๗ ในบาทแรก ,คำที่ ๕ ในบาทที่สองและบาทที่สาม และ คำที่ ๗ ในบาทที่สี่ นั่นเอง

และเฉพาะคำที่ ๗ บาทที่สี่  (ซึ่งเป็นคำจบของบท) จะไม่ใช้คำตาย เพื่อเอื้อต่อการออกเสียงจริงเวลาอ่านหรือขับโคลง


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ปิ่นมุก, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, มนชิดา พานิช, ลมหนาว ในสายหมอก, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, เนิน จำราย

บันทึกการเข้า

รวมบทกลอน "ที่นี่เมืองไทย..."
รวมบทกลอน "ร้อยบุปผา"
รวมบทประพันธ์ทั่วไป "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์กลบท "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์ฉันท์ "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอนสุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..

Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:65535
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10566


เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ


| |
Re: โคลงดั้นวิวิธมาลี
« ตอบ #1 เมื่อ: 05, ธันวาคม, 2564, 10:40:24 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: โคลงดั้นวิวิธมาลี

การแต่งโคลงดั้นวิวิธมาลี

   ๑.  สัมผัสบังคับ

            การสัมผัสในบทของโคลงดั้นวิวิธมาลีนั้น มีจุดบังคับรับ-ส่ง สัมผัสสระภายในบท ตามตำแหน่งที่โยงเส้นดังแสดงไว้ในผัง คือ

   ๑.๑  สัมผัสบังคับ ภายในบท  (ดูผังด้านบนประกอบ)

            โคลงดั้นวิวิธมาลีนั้น มีสัมผัสบังคับภายในบทเพียง ๒ แห่งเท่านั้น ต่างกับโคลงสี่สุภาพที่ต้องมี ๓ แห่ง คือ
 
  - คำที่ ๗ ของบาทแรก ให้ส่งสัมผัสสระไปยังคำที่ ๕ ของบาทที่สาม
  - คำที่ ๗ รูปโทของบาทสอง ส่งสัมผัสสระไปยังคำที่ ๕ รูปโทของบาทที่สี่  แต่บางกรณีหากจำเป็น ก็อนุโลมร่นมาสัมผัสคำที่ ๔ แทนได้ หากว่าคำหรือเนื้อความบังคับ  แต่มักจะนิยมคำที่ ๕ มากกว่า

   ๑.๒  สัมผัสบังคับ ระหว่างบท  (ดูผังด้านบนประกอบ)

อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า   โคลงดั้นวิวิธมาลี  นั้น กำหนดบังคับสัมผัสระหว่างบทไว้ ๑ แห่ง  คือ

คำสุดท้ายของในบาทที่ ๔ บทก่อนหน้า  ส่งสัมผัสสระไปยังคำที่ ๕  ในบาทที่ ๒ ของบทถัดไป   อย่างนี้ตลอดไป  เช่น

          ๐     เชลงกลโคลงอย่างดั้น          บรรยาย
          เสนอชื่อวิวิธมาลี                         เล่ห์นี้
          ปวงปราชฯทั่วทวยหลาย              นิพนธ์เล่น เทอญพ่อ
          ยลเยี่ยงฉบับพู้นชี้                        เช่นแถลง

          ๐     เปนอาภรณ์แก้วก่อง             กายกระวี ชาติเอย
          อาตมโอ่โอภาษแสง                     สว่างหล้า
          เถกิงเกียรติเกริ่นธรณี                   ทุกแหล่ง หล้านา
          ฦๅทั่วดินฟ้าฟุ้ง                            เฟื่องคุณ ฯ

                                                                  (จินดามณี)


   ๒.  คำเอก คำโท

          ในหนึ่งบทของโคลงดั้นวิวิธมาลีนั้น มีการกำหนดบังคับใช้คำรูปวรรณยุกต์เอกไว้  ๗ แห่ง และโท ๔ แห่งเช่นเดียวกับโคลงสี่สุภาพ ต่างกันตรงที่คำโทในบาทที่สี่นั้น  ย้ายมาอยู่ในคำที่ ๔ และ ๕ เป็นคำโทคู่ชิดติดกัน ดังที่แสดงในผัง  และยังใช้รับสัมผัสที่ส่งมาจากบาทที่ ๒ ได้ทั้งคู่อีกด้วย  (ดูผังประกอบ)
(วรรณกรรมยุคเริ่มต้นก่อนคลี่คลาย  บาทสี่อาจใช้คำโทแบบแยก คือมีคำคั่นคำหนึ่ง หรือคำโทแบบเดี่ยว ๆ ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว)

          นอกนี้แล้ว คำที่เหลืออีก ๑๗ คำ จะมีรูปวรรณยุกต์หรือไม่ก็ได้ ไม่เป็นไร  แต่หากเป็นคำสุภาพได้ก็งามตา

          อนึ่ง ตำแหน่งที่บังคับรูปวรรณยุกต์เอก ๗ แห่งนั้น สามารถใช้ "คำตาย" แทนได้  (คำตาย คือ คำที่ใช้สระเสียงสั้นไม่มีตัวสะกด เช่น เกาะ มิ ชะ มุ และ คำที่สะกดด้วยแม่ กก กบ กด (กบด) เช่น ลูก กาบ มิตร เป็นต้น )


   ๓.  การสลับตำแหน่งคำเอก-คำโท ในโคลง

          ในโคลงดั้นวิวิธมาลีนั้น ตำแหน่งคำเอก คำโท ในโคลงที่บังคับไว้นั้น
สามารถสลับที่กันได้หนึ่งแห่ง นั่นคือ คู่คำเอก-โท ในคำที่ ๔-๕ ของบาทแรกหรือ "บาทต้น" นั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น สลับได้เฉพาะบาทนี้เท่านั้น ตรงตำแหน่งอื่นไม่สามารถสลับได้


   ๔.  การใช้เอกโทษ-โทโทษ

                  รายละเอียดเรื่องคำเอกโทษ  คำโทโทษที่ใช้ในโคลง  คลิกอ่านได้ ที่นี่ คลิก


   ๕.  คำสร้อย

                  รายละเอียดเรื่องคำสร้อยที่ใช้ในโคลง  คลิกอ่านได้ ที่นี่ คลิก

                  โคลงดั้นวิวิธมาลี หากเนื้อความยังไม่สิ้นกระแส สามารถใช้สร้อยต่อท้ายในบาทที่ ๑  และบาทที่ ๓  เสริมความให้จบกระแสได้เช่นเดียวกับโคลงสี่สุภาพ  

                  หมายเหตุ : คำสร้อย นอกเหนือจากบาทที่ ๑  และบาทที่ ๓ แล้ว   ในบาทที่ ๔ ก็สามารถใช้คำสร้อยได้เช่นกันอีกสองคำต่อท้าย   แต่นิยมสร้อยแบบซ้ำคำ  เช่น  

                  เจ็ดสินธุ์สบส่ำแล้ว .......... เจ็ดสาร ก็ดี
                  ยังไป่ปานชุรชล ............... เกลศกลั้ว
                  กรรโหยรลุงการ ............... ในเกลศ นางนา
                  ฉงนชำงือรสดั้ว ................ ด่วนมาลย์ในมาลย์ ฯ
                                                                 (โคลงทวาทศมาส)

                  จากตัวอย่างนั้นคือบาทที่สี่ของโคลง  ซึ่งปกติต้องจบแค่ ๗ คำเท่านั้น  แต่เติมสร้อยได้อีกสองคำ คือ คำว่า ในมาลย์ ที่เน้นสีแดงไว้ให้เห็น  และอย่างที่บอกคือ ใช้แบบสร้อยซ้ำคำ ในที่นี้ คือ  คำว่า มาลย์  นั่นเอง

                  ส่วนศิลปะการสร้างความไพเราะนั้น เช่น การเล่นคำ หรือการนิยมเล่นสัมผัสอักษรระหว่างวรรคหน้าและวรรคหลัง หรืออื่น ๆ นั้น  ไม่ต่างกับโคลงสี่ทั่วไป
                               ๐ ------------------------------- ๐

   บทเสริม

                  นอกจากคำสร้อยแบบดังกล่าวในบาทที่สี่แล้ว   ตรงนี้คือความแปลกในบาทที่สี่ของโคลงสี่ดั้น  คือ  ในบางครั้งจะพบว่า  บาทที่สี่จะมีการใช้เป็นลักษณะเดียวกับโคลงสี่สุภาพ   คือ มี ๙ คำ และคำเอกคำโทนั้นเป็นลักษณะโคลงสี่สุภาพ  แต่สัมผัสต่าง ๆ ก็ยังเป็นแบบโคลงดั้น เช่น

                  จัดการแปลงเปลี่ยนเยื้อง ......... อย่างเคย
                  แห่แต่โดยวิถีใน ........................ นิเวศน์ท้าว
                  กระบวนต้นเทียบแต่เกย ........... ศิลาน่า ฉนวนนา
                  สู่ดุสิตพิมานจ้าว....................... ธเรศไท้จอมวัง

                  การเล่นทุกสิ่งล้วน .................... ฝ่ายใน สิ้นแฮ
                  พิณพาทย์รายทางจัง ................ หวะเว้น
                  เรียงอั้วอิกแทงวิไสย .................. ญวนหก
                  ล้วนแต่หญิงแกล้งเหล้น ............. อย่างชาย
                                                              (โคลงพระราชพิธีแห่โสกันต์ : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

                  จะเห็นได้ว่า ในบทต้นนี้ที่เน้นสีแดงไว้นั้น ทั้งจำนวนคำ และคำโท ในบาทที่สี่เป็นแบบโคลงสี่สุภาพอย่างที่บอก  แต่การส่งสัมผัสต่าง ๆ นั้นเป็นแบบโคลงดั้นวิวิธมาลีอยู่  แบบนี้ท่านก็เรียกไว้ว่า  โคลงดั้นมหาวิวิธมาลี ไว้เป็นพื้น ซึ่งจะพบแทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ในวรรณกรรมต่าง ๆ เท่านั้น  

                  เรื่องโคลงดั้นวิวิธมาลี คงอธิบายไว้เพียงแต่คร่าว ๆ  เท่านี้  ด้านล่างต่อไปเป็นตัวอย่างโคลงดั้นวิวิธมาลีบางส่วนจากวรรณกรรมต่าง ๆ
 


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ปิ่นมุก, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, มนชิดา พานิช, ลมหนาว ในสายหมอก, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, เนิน จำราย

บันทึกการเข้า

รวมบทกลอน "ที่นี่เมืองไทย..."
รวมบทกลอน "ร้อยบุปผา"
รวมบทประพันธ์ทั่วไป "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์กลบท "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์ฉันท์ "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอนสุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:65535
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10566


เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ


| |
Re: โคลงดั้นวิวิธมาลี
« ตอบ #2 เมื่อ: 05, ธันวาคม, 2564, 10:41:47 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: โคลงดั้นวิวิธมาลี

          ตัวอย่างโคลงดั้นวิวิธมาลีบางส่วน

แสดงคำเอก คำโท, คำสร้อย,  คำสัมผัสภายในบท
และโดยเฉพาะคำสัมผัสระหว่างบท  เพื่อให้เห็นความแตกต่างเด่นชัดกับ โคลงดั้นบาทกุญชร คลิก

         โคลงดั้นวิวิธมาลี
           (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ : กรมพระปรมานุชิตชิโนรส)


          ๐     หลังทิศฝ่ายทิศอ้าง               อุดร ด้านเอย
          ทิพย์ภัตหุงภัตผอง                        พวกด้าว
          แดนเมืองมั่วเมืองมอญ                 มวญเขต เขานา
          ตามเผ่าตามพ้องจ้าว                    จบแขวง

          ๐     อื่นเรื่องอีกเรื่องสร้าง              สงกรานต์ ด้วยแฮ
          สองสืบวัดถุ์สืบแสดง                     ดื่นถ้วน
          เชิงผนังภาคย์ผนังศาล                  สบสี่ ศาลเอย
          ลายเลขลายล้วนสิ้น                      สรรพศิลา

          ๐     ติดศิลาจารึกข้อ                     คำโคลง ไว้เฮย
          โคลงบอกเรื่องเลขา                       คัดแจ้ง
          แจ้งอรรถวัจนลรรโลง                     ลักษณทุก หลังแฮ
          ทุกแห่งทั่วห้องแสร้ง                       สาบประกล

          ๐     ประกลประกิจแก้ว                  กระแพงสกัด เฉลียงเฮย
          สกัดตรุกระเบื้องปรุยล                    ยิ่งล้วน
          ล้วนเคลือบประกอปมุมจัด              แจงรดับ ด่อนนา
          รดับทั่วโทข้างถ้วน                          ถ่องสถาน ฯ
                                                            (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ : กรมพระปรมานุชิตชิโนรส)

โคลงดั้นวิวิธมาลี
(ลิลิตดั้นสดุดีบ้านบางระจัน : พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ))


          ๐     บัดนายจันทร์หนวดเขี้ยว           คิดกล
          แบ่งทัพโอบหลังราญ                        รบเร้า
          พม่าถูกไทยรณ                                รุกกระหนาบ
          ต่างแตกแยกย้ายเข้า                        ป่าดง

          ๐     นายทัพพม่าม้วย                     กลางสมร ภูมิเฮย
          พลพม่าถูกไทยปลง                         ชีพสิ้น
          เหลือบ้างต่างซอกซอน                    ซนกลับ
          ที่บาดเจ็บล้มดิ้น                             ดื่นไป

          ๐     ไทยรักษาค่ายบ้าน                  บางระจัน
          ตีพม่าประลัย                                 เจ็ดครั้ง
          นับได้สี่เดือนขัน                              ขับเคี่ยว รบแฮ
          ด้วยจิตหาญกล้าทั้ง                        อดทน

          ๐     ทัพชาวบ้านบากสู้                  ทัพกรุง ม่านเฮย
          ยอมสละผละชนม์                         ชีพให้
          ด้วยจงรักชาติผดุง                         แดนเกิด
          น่าจดจำไจ้ไจ้                                จอดคุณ
                                                (ลิลิตดั้นสดุดีบ้านบางระจัน : พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ))

         โคลงดั้นวิวิธมาลี
           (โคลงดั้นนิราศตามเสด็จทัพลำน้ำน้อย : พระยาตรัง)


          ๐     สาวสวาแมกไม้มุ่ง                  หมายทาง
          ถึกถโมนไพรเหลียว                        หลิ่วคิ้ว
          เมียงมองย่องเฟ็ดหาง                    หันหก ทับแฮ
          หนุ่มบ่ชาญเกรี้ยวกริ้ว                     โกรธเขย็ง

          ๐     เนินคาท่งป่าล้อม                    ล้อมเสมา
          เขียวระบัดไซเซ็ง                            ซ่านเลื้อย
          แหนหนองป่งหล่มเลา                     ลำล่อน
          เหมืองละมานเฟื้อยอ้อ                    อ่อนแขนง

          ๐     กาสรสุรโดดดั้น                      เดินดง
          กำเลาะกำลังแรง                           ร่านร้าย
          ขวิดเสี่ยวศิขรผง                            ผุยผ่า
          เป็นประกายฟุ้งคล้าย                     คลอกแขม

          ๐     พยัคฆ์โจมจับมฤคพลิ้ว           พลิกกาย ลงแฮ
          เปล่งปลาบแสงตาแพลม                พลุ่งย้อย
          คะมำคำรามทราย                         คอนโลด
          ถอนถีบสี่เท้าคล้อย                        คลาศทาง
                                                          (โคลงดั้นนิราศตามเสด็จทัพลำน้ำน้อย : พระยาตรัง)

         โคลงดั้นวิวิธมาลี
           (โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์ : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก))


          ๐     อโยทธเยนทรยศยิ่งสร้อย         สรวงสวรรค์
          เพียงพิมานแมนไข                          เขตหล้า
          เกริกเกียรดิขจรบรร                         เจิดทวีป เว้นฤๅ
          ชูพิภพฟื้นฟ้า                                  เฟื่องดิน ฯ

          ๐     สมภารสมภพพร้อม                 ไพรบูลย์
          เรืองรัตนโกสินทร์                            สุขล้ำ
          เพิกพื้นพิภพพูน                              เผยโลก กว้างแฮ
          บุญพระฟื้นฟ้าขว้ำ                          ไขว่หงาย ฯ

          ๐     เสร็จยอพระยศอ้าง                  ออกแสดง
          ปางรํ่านิราศสาย                              สวาดิน้อง
          จำจากเจ็บจิตแหนง                         ขนางเสน่ห์ นางนา
          ฝากโศกยอดสร้อยซ้อง                     สั่งสาร ฯ

          ๐     เด็ดใจเจียรจากแก้ว                  กับอก อรเอย
          ทุบทุ่มอุราราน                                  ร่ำเศร้า
          สะอื้นอัดอุรกรรศก                            สังเวช ตนแฮ
          หวนคิดคืนเข้าห้อง                            สั่งขวัญ ฯ
                                                             (โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์ : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก))

         โคลงดั้นวิวิธมาลี
           (โคลงพระราชพิธีแห่โสกันต์ : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)


          ๐     เวียงวังบรมราชเจ้า                    จอมสยาม
          ปราสาทรัตนพิมาน                            หยาดฟ้า
          สรรพสิ่งวิจิตรงาม                              ฉลักลวด ลายแฮ
          แสงสุวรรณไล้จ้า                               จับหาว

          ๐     สถลมารคสะอาดล้วน                เสลา ปูแฮ
          ตึกหมู่แถวเต๊งยาว                             ยืดสล้าง
          ตำหนักพระวงษา                              นุวงษ์เรียบ เรียงแฮ
          ทุกแหล่งเลิศล้ำสร้าง                          สืบมา

          ๐     แซ่ซ้องนองเนื่องหน้า                  อเนกนันต์
          ต่างศุขเขยมเปรมปรา                        ชื่นหน้า
          หญิงป่วนปะปนกัน                            สนุกนิ์รื่น เริงแฮ
          บ้างเร่นั่งร้านค้า                                 ทุกพรรณ

          ๐     ปางทรงดำริห์ให้                        แห่โส กันต์แฮ
          พระราชกนิษฐอัน                              สนิทไท้
          เพื่อพระเกียรดิภิญโญ                        เจริญยิ่ง ยศนา
          เหตุนิยมไว้ให้                                    ฟ่องใจ
                                                              (โคลงพระราชพิธีแห่โสกันต์ : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

         โคลงดั้นวิวิธมาลี
           (โคลงลิลิตดั้นตำนานพระพุทธบาท : กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์)


         ๐     อาราธบรมบาทเจ้า                 จอมสงฆ์
         เสด็จรับบิณฑบาตร์บุกูล                 พ่อค้า
         เห็นพุทธดุษณีทรง                          รับนิ มนต์แฮ
         รีบกลับเตรียมให้ข้า                        จัดเสบียง

         ๐     รุ่งเช้าพุทธเจ้าเสด็จ                 มาดล
         ถวายโพชนาหารเผดียง                   แด่ไท้
         อวยอรรถภัตมงคล                          ควรชื่น ชมแฮ
         ยิ่งสดับยิ่งปลื้มให้                           ศรัทธา

         ๐     เรียกนายโกฐาศน์ทั้ง                สองตน มารา
         มอบสรรพทรัพยะโภคา                   แก่น้อง
         ตามเสด็จสู่เชตุพน                          ขอบรรพ ชาแฮ
         เปนภิกษุสิ้นข้อง                              ขุ่นกศัลย์

         ๐     เรียนกรรมฐานถ่องแจ้ง            จริยะวัต แล้วรา
         ลากลับกรุงสุนาปรันต์                      แหล่งบ้าน
         อาไศรย์ที่สงัดดัด                             แดเพ่ง นิพานพ่อ
         ทุกครู่ฤๅรู้คร้าน                                ครุ่นเพียร
                                                              (โคลงลิลิตดั้นตำนานพระพุทธบาท : กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์)

           บ้านกลอนน้อยลิตเติลเกิร์ล
          - Black Sword -
           (หมู มยุรธุชบูรพา)

                              
                                    • กลับสู่หน้า สารบัญ โคลง  คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน กาพย์ คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน กลอน คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน ฉันท์  คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน ร่าย คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน กลอนกลบท คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน โคลงกลบท คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องศึกษา ภาพโคลงกลบท คลิก
                              

 


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ปิ่นมุก, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, มนชิดา พานิช, ลมหนาว ในสายหมอก, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว

บันทึกการเข้า

รวมบทกลอน "ที่นี่เมืองไทย..."
รวมบทกลอน "ร้อยบุปผา"
รวมบทประพันธ์ทั่วไป "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์กลบท "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์ฉันท์ "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอนสุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.202 วินาที กับ 96 คำสั่ง
กำลังโหลด...